4. เลือกใช้หลอดไฟให้ถูกประเภท
หลอดไฟที่ให้แสงสว่างแรง ๆ จริง ๆ แล้วคุณจะรู้สึกได้ว่าสิ่งที่คุณได้รับคือ “ความร้อน” มากกว่า “แสงสว่าง” นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรเลือกใช้หลอดไฟแบบแอลอีดี (LED) ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบหลอดไส้ ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดตะเกียบถึง 40% และอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไฟแบบหลอดไส้ถึง 15 เท่า
5. เปิดพัดลมให้ถูกที่
พัดลมเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่จำเป็นอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่ออากาศร้อน แม้ว่าจะประหยัดพลังงานมากกว่าการใช้แอร์ แต่บางครั้งการใช้พัดลมอาจจะเป็นเหมือนฝันร้ายมากกว่า เพราะคุณจะสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่พัดมากระทบกับผิวหนัง แต่ถ้าเราตั้งพัดลมในทำเลที่เหมาะสม เช่น วางใกล้ ๆ หน้าต่าง ในทิศทางที่พัดลมจะเป่าอากาศออกสู่ด้านนอก หรือตั้งพัดลมในบริเวณที่ร่ม ๆ ก็จะช่วยกระจายความเย็นมาถึงคุณได้
6. ปรับเวลาในการทำงานบ้านบางอย่าง
การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านบางอย่าง เช่น เครื่องล้างจาน หรือเครื่องอบผ้า ในช่วงเวลาที่อากาศไม่ร้อนจัดเช่น ตอนเย็น ๆ หรือค่ำ ๆ จะช่วยประหยัดพลังงานให้คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในขณะที่อุปกรณ์เหล่านี้กำลังทำงานนั้นจะมีการปล่อยไอความร้อนแบบชื้น ๆ ออกมา และยิ่งถ้าคุณเปิดแอร์ในตอนนั้นก็จะยิ่งทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปรับสภาพอากาศที่ชื้นนั้น ถือเป็นการเปลืองแบบสองเด้งเลยทีเดียว
7. ซักผ้าด้วยน้ำเย็น
แม้ว่าการซักผ้าด้วยน้ำร้อนจะมีประสิทธิภาพในการช่วยฆ่าเชื้อ เช่น แบคทีเรีย, ไวรัส หรือไรฝุ่น เหมาะสำหรับผ้าที่ต้องการทำความสะอาดมากเป็นพิเศษ แต่การใช้น้ำร้อนบางครั้งนอกจากจะทำให้ผ้าชำรุดเสียหาย หรือสีตกแล้ว ยังทำให้เครื่องซักผ้าของคุณกินไฟสูงถึง 90% ดังนั้น หากไม่จำเป็นจริง ๆ การใช้น้ำเย็นกับเครื่องซักผ้าก็ทำให้ประหยัดพลังงานได้